Ads

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2568

ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน The largest port in ASEAN

 

ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน The largest port in ASEAN


ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน คือ ท่าเรือสิงคโปร์ (Port of Singapore) ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับโลก


และมีบทบาทสำคัญในเครือข่ายการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ


📊 จุดเด่นของท่าเรือสิงคโปร์


รองรับตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 37 ล้าน TEUs ต่อปี


ได้รับการจัดอันดับเป็น อันดับ 2 ของโลก ในด้านปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์


เป็นจุดพักสินค้าหลัก (Transshipment Hub) สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


*** TEU ย่อมาจาก Twenty-foot Equivalent Unit เป็นหน่วยวัดมาตรฐานที่ใช้ในการขนส่งทางเรือ 

เพื่อระบุ ความจุของตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีขนาดพื้นฐานคือตู้คอนเทนเนอร์ยาว 20 ฟุต. 

หนึ่งตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุต เท่ากับ 1 TEU และตู้คอนเทนเนอร์ 40 ฟุต จะเท่ากับ 2 TEU


ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีศักยภาพรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ถึง 11 ล้าน TEUs ต่อปี



ท่าเรือสิงคโปร์เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก


และรองรับปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมหาศาล แม้ว่าท่าเรือเซี่ยงไฮ้ในประเทศจีน


จะเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ท่าเรือสิงคโปร์ก็เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน 


ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ตั้งอยู่บนเส้นทางเดินเรือสำคัญระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย 


ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่สำคัญสำหรับการค้าระหว่างเอเชีย ยุโรป และทวีปอเมริกา


รองรับสินค้าปริมาณมหาศาลและมีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


พิสูจน์ได้จากปริมาณการขนส่ง 37.3 ล้าน TEU ในปี พ.ศ. 2565 


เชื่อมต่อกับเรือมากกว่า 130,000 ลำจาก 123 ประเทศ และมีท่าเทียบเรือมากกว่า 200 แห่ง 


อำนวยความสะดวกให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างราบรื่น


สนับสนุนอุตสาหกรรมเสริม เช่น การขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค 


และรักษาสถานะของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ


ในฐานะศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญ ท่าเรือแห่งนี้เชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับยุโรป อเมริกา 


และอื่นๆ โดยได้รับประโยชน์จากทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก


⚓ จุดเด่นของท่าเรือสิงคโปร์


เป็นหนึ่งใน ท่าเรือเปลี่ยนถ่ายตู้สินค้า (Transshipment Hub) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก


เชื่อมต่อกับ กว่า 600 ท่าเรือใน 123 ประเทศ


มีสายเรือแวะจอดมากถึง 160 เที่ยวต่อวัน


เป็นท่าเรือปลอดภาษี (Free Port) มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1819


ท่าเรือแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในเส้นทางการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ 


และเป็นหัวใจของเศรษฐกิจสิงคโปร์ตั้งแต่ยุคอาณานิคมจนถึงปัจจุบัน


ตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 (ยุคราชวงศ์ถังของจีน) ท่าเรือบริเวณเกาะสิงคโปร์ได้ปรากฏอยู่ใน


เส้นทางสายไหมทางทะเล เป็นจุดพักเรือของพ่อค้าจีน อินเดีย และอาหรับ


ใน ปี ค.ศ. 1819 เซอร์โธมัส สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ (Sir Stamford Raffles) 


จากบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ได้ก่อตั้งสถานีการค้าบนเกาะสิงคโปร์ 


และประกาศให้เป็น ท่าเรือปลอดภาษี (Free Port)


ท่าเรือสิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างยุโรปกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


มีเรือสำเภาจากจีน ไทย อินโดนีเซีย และอินโดจีนแวะจอดเป็นจำนวนมาก


ยุคใหม่หลังเอกราช หลังจากสิงคโปร์ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1965 รัฐบาลได้พัฒนาท่าเรือให้ทันสมัย 


โดยยังคงสถานะเป็นท่าเรือปลอดภาษี



วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568

มาเลเซีย มีกี่รัฐ อะไรบ้าง Malaysia States

 

มาเลเซีย มีกี่รัฐ อะไรบ้าง


มาเลเซียมีทั้งหมด 13 รัฐ (States) และ 3 ดินแดนสหพันธ์ (Federal Territories) 

โดยแต่ละรัฐมีรัฐบาลท้องถิ่นของตนเอง และบางรัฐมีสุลต่านเป็นประมุข 

ส่วนดินแดนสหพันธ์อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลกลางโดยตรง


13 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่:


ยะโฮร์


เคดะห์


กลันตัน


มะละกา


เนอเกอรีเซมบีลัน


ปะหัง


ปีนัง


เประ


เปอลิส


สลังงอร์


ตรังกานู


ซาบาห์


ซาราวัก


ดินแดนสหพันธ์มี 3 แห่ง:


กัวลาลัมเปอร์ – เมืองหลวงของประเทศ


ปูตราจายา – ศูนย์กลางการบริหารของรัฐบาล


ลาบวน – เกาะที่ตั้งอยู่ใกล้ซาบาห์ เป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจ




วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568

แร่หายากของมาเลเซีย มีอะไรบ้าง ( Malaysia Rare Earth Elements)

 

แร่หายากของมาเลเซีย มีอะไรบ้าง ( Malaysia Rare Earth Elements)


มาเลเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านแร่หายาก (Rare Earth Elements หรือ REEs) ในภูมิภาคอาเซียน


🧪 ประเภทของแร่หายากในมาเลเซีย

มาเลเซียมีแร่หายากประเภท Non-Radioactive Rare Earth Elements (NR-REE) ซึ่งปลอดจากสารกัมมันตรังสี เช่น Thorium และ Uranium


ธาตุหายากที่สำคัญ ได้แก่:


Neodymium (Nd) – ใช้ในแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า


Dysprosium (Dy) – เพิ่มความทนความร้อนให้แม่เหล็ก


Yttrium (Y) – ใช้ในเลเซอร์และจอแสดงผล


Lanthanum (La) และ Cerium (Ce) – ใช้ในตัวเร่งปฏิกิริยาและแก้วพิเศษ


แหล่งแร่หายากในมาเลเซีย

พบแร่หายากกว่า 16.1 ล้านตัน ในหลายรัฐ เช่น:


ยะโฮร์


กลันตัน


ปะหัง


เประห์


ซาราวัก


สลังงอร์


ตรังกานู


คิดเป็นมูลค่ากว่า 809,600 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6.11 ล้านล้านบาท


แร่หายากเป็นกลุ่มธาตุโลหะ 17 ชนิด ซึ่งรวมถึง:


Lanthanides (15 ธาตุ เช่น Neodymium, Dysprosium, Praseodymium)


Scandium


Yttrium


ธาตุเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรม:


พลังงานหมุนเวียน (เช่น กังหันลม)


ยานยนต์ไฟฟ้า


อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน กล้อง และทีวี


เทคโนโลยีทางการแพทย์



รัฐที่มีแหล่งแร่สำคัญ: Terengganu, Kelantan, Pahang, Perak และ Kedah


โรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน: ตั้งอยู่ในรัฐ Pahang โดยบริษัท Lynas


จุดเด่นของแร่หายากในมาเลเซีย


มาเลเซียมีแหล่งแร่ประเภท Ion Adsorption Clay (IAC) ซึ่งมีปริมาณธาตุหายากสูง 


แต่มีปริมาณสารกัมมันตรังสีต่ำ เช่น Thorium และ Uranium


มีการพัฒนาโครงการ “แร่หายากไม่กัมมันตรังสี” (NR-REE) เช่น ที่ Hulu Perak



รัฐบาลมาเลเซียประเมินว่าแร่หายากในประเทศมีมูลค่ารวมกว่า RM747 พันล้าน


คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า RM9.5 พันล้าน


: โรงงานแปรรูปแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน ตั้งอยู่ในรัฐปะหัง


ดำเนินการแปรรูปแร่จากเหมืองในออสเตรเลีย


มีข้อถกเถียงเรื่องการจัดการของเสียที่มีสารกัมมันตรังสี


วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

แร่หายากของอินโดนีเซีย มีอะไรบ้าง ( Indonesia Rare Earth Elements)

 

แร่หายากของอินโดนีเซีย มีอะไรบ้าง ( Indonesia Rare Earth Elements)


แร่หายาก (Rare Earth Elements - REEs) ในอินโดนีเซีย ส่วนใหญ่

เป็นแร่ที่อยู่ในกลุ่มของธาตุแลนทาไนด์ (Lanthanides) 15 ชนิด ได้แก่ 

แลนทานัม (La), ซีเรียม (Ce), เพรซีโอดิเมียม (Pr), นีโอดิเมียม (Nd), 

โพรมีเทียม (Pm), ซาแมเรียม (Sm), ยูโรเพียม (Eu), แกโดลิเนียม (Gd), 

เทอร์เบียม (Tb), ดิสโพรเซียม (Dy), โฮลเมียม (Ho), เออร์เบียม (Er), 

ทูเลียม (Tm), อิตเทอร์เบียม (Yb), และลูทีเซียม (Lu) นอกจากนี้ 

ยังรวมถึงสแกนเดียม (Sc) และอิตเทรียม (Y) ด้วย 



ธาตุหายากที่พบในอินโดนีเซีย


REE แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก:


Light REE (LREE): เช่น ลันทานัม (La), ซีเรียม (Ce), นีโอไดเมียม (Nd), พราซีโอไดเมียม (Pr)


Heavy REE (HREE): เช่น อิตเทรียม (Y), แกโดลิเนียม (Gd), ดิสโพรเซียม (Dy), เออร์เบียม (Er)


แหล่งแร่หายากในอินโดนีเซีย อินโดนีเซียมีแหล่ง REE ที่สำคัญหลายแห่ง:


บังกา-เบลิตุง (Bangka-Belitung): พบแร่ โมนาไซต์ และ เซโนไทม์ ซึ่งเป็นแร่รองจากการทำเหมืองแร่ดีบุก


กาลีมันตันตะวันตก: มีแหล่ง laterite ที่มีธาตุ yttrium และ lanthanum


สุลาเวสีและปาปัว: อยู่ในขั้นตอนการสำรวจเบื้องต้น พบศักยภาพจากหินแกรนิตและหินซับซ้อน


ซิโบลกา (Sibolga): หินแกรนิตที่ผ่านการผุพังมีค่า REE รวมสูงถึง 0.44%



แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ยังมีอุปสรรคหลายประการ


ขาดโรงงานแปรรูปและสกัด REE ในระดับอุตสาหกรรม


การลงทุนด้านเทคโนโลยีและการวิจัยยังน้อย


กฎระเบียบและการอนุญาตเหมืองยังซับซ้อน


ขาดความตระหนักในอุตสาหกรรมภายในประเทศ



แนวโน้มตลาด แร่หายาก (Rare Earth Elements - REE) ของอินโดนีเซียในอนาคตดูสดใส

และมีศักยภาพสูง หากประเทศสามารถจัดการกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีและนโยบายได้อย่างเหมาะสม


ตลาด REE ของอินโดนีเซียคาดว่าจะ เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมีแรงขับเคลื่อนจากความต้องการในอุตสาหกรรม


พลังงานสะอาด (เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, กังหันลม)

เทคโนโลยีขั้นสูง (สมาร์ตโฟน, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ทหาร)

อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวรและเซรามิกขั้นสูง


ธาตุที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในตลาดอินโดนีเซีย ได้แก่ 

นีโอไดเมียม (Nd) และ พราซีโอไดเมียม (Pr) สำหรับแม่เหล็กถาวร

ดิสโพรเซียม (Dy) และ เทอร์เบียม (Tb) สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และพลังงานสะอาด


อินโดนีเซียมีศักยภาพในการเป็น ศูนย์กลางการผลิต REE ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากสามารถ

พัฒนาโรงงานแปรรูปและสกัด REE

ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ

สร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศ (local value chain)


อินโดนีเซียสามารถเป็น ผู้เล่นสำคัญในตลาด REE โลก หากสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างยั่งยืน

ความร่วมมือกับประเทศเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือสหภาพยุโรป จะช่วยเร่งการพัฒนา


อินโดนีเซีย มีโอกาสเป็น “ผู้เล่นใหม่” ที่สำคัญ หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานได้ทันเวลา


วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ตัวย่อชื่อประเทศในอาเซียน

 


ตัวย่อชื่อประเทศในอาเซียน


นี่คือรหัส ISO 3166-1 alpha-3 สำหรับประเทศสมาชิก อาเซียน (ASEAN):


🇧🇳 บรูไน (BRN)


🇰🇭 กัมพูชา (KHM)


🇮🇩 อินโดนีเซีย (IDN)


🇱🇦 ลาว (LAO)


🇲🇾 มาเลเซีย (MYS)


🇲🇲 เมียนมา (MMR)


🇵🇭 ฟิลิปปินส์ (PHL)


🇸🇬 สิงคโปร์ (SGP)


🇹🇭 ไทย (THA)


🇻🇳 เวียดนาม (VNM)


ตัวย่อชื่อประเทศใน อาเซียน (ASEAN) ตามมาตรฐาน ISO 3166-1 alpha-2:


🇧🇳 บรูไน (BN)


🇰🇭 กัมพูชา (KH)


🇮🇩 อินโดนีเซีย (ID)


🇱🇦 ลาว (LA)


🇲🇾 มาเลเซีย (MY)


🇲🇲 เมียนมา (MM)


🇵🇭 ฟิลิปปินส์ (PH)


🇸🇬 สิงคโปร์ (SG)


🇹🇭 ไทย (TH)


🇻🇳 เวียดนาม (VN)


วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568

แร่หายากของเวียดนามมีอะไรบ้าง ( Vietnam Rare Earth Elements)

 แร่หายากของเวียดนามมีอะไรบ้าง ( Vietnam Rare Earth Elements)


เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแหล่งแร่หายาก (Rare Earth Elements) มากที่สุดในโลก 


โดยมีปริมาณสำรองมากกว่า 30 ล้านตัน และตั้งเป้าผลิตแร่หายากให้ได้ 2.02 ล้านตัน ภายในปี 2573.


แร่หายากที่พบในเวียดนามประกอบด้วยธาตุ แลนทาไนด์ (Lanthanide) 15 ชนิด 


รวมถึง สแกนเดียม (Scandium) และอิตเทรียม (Yttrium) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี 


เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า และระบบเรดาร์.


แหล่งแร่หายากที่สำคัญของเวียดนามอยู่ในจังหวัด ลายเจิว, หล่าวกาย และเอียนบ่าย 


ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเหมืองและแปรรูปแร่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมภายในประเทศและการส่งออก.


เวียดนามกำลังพัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูปแร่หายากเพื่อเพิ่มมูลค่าและลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีน 


ซึ่งเป็นผู้ผลิตและแปรรูปแร่หายากรายใหญ่ที่สุดของโลก


เวียดนามมีแหล่งแร่หายากที่สำคัญหลายชนิด ซึ่งเป็นธาตุที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี


และพลังงานสะอาด แร่หายากที่พบในเวียดนามประกอบด้วย:


แลนทาไนด์ (Lanthanides) เช่น นีโอไดเมียม (Neodymium), 


พราซีโอไดเมียม (Praseodymium), แลนทานัม (Lanthanum), 


เซอร์เรียม (Cerium) และซามาเรียม (Samarium)


สแกนเดียม (Scandium) ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมอากาศยานและวัสดุขั้นสูง


อิตเทรียม (Yttrium) ที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซรามิก


การลงทุนในอุตสาหกรรมแร่หายากยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยส่งเสริมการพัฒนาเหมืองใหม่ 


การจ้างงาน และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังต้องเผชิญกับความท้าทาย


ด้านเทคโนโลยีการแปรรูปแร่ ซึ่งจำเป็นต้องดึงดูดการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัย