ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน The largest port in ASEAN
ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน คือ ท่าเรือสิงคโปร์ (Port of Singapore) ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับโลก
และมีบทบาทสำคัญในเครือข่ายการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ
📊 จุดเด่นของท่าเรือสิงคโปร์
รองรับตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 37 ล้าน TEUs ต่อปี
ได้รับการจัดอันดับเป็น อันดับ 2 ของโลก ในด้านปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์
เป็นจุดพักสินค้าหลัก (Transshipment Hub) สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
*** TEU ย่อมาจาก Twenty-foot Equivalent Unit เป็นหน่วยวัดมาตรฐานที่ใช้ในการขนส่งทางเรือ
เพื่อระบุ ความจุของตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีขนาดพื้นฐานคือตู้คอนเทนเนอร์ยาว 20 ฟุต.
หนึ่งตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุต เท่ากับ 1 TEU และตู้คอนเทนเนอร์ 40 ฟุต จะเท่ากับ 2 TEU
ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีศักยภาพรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ถึง 11 ล้าน TEUs ต่อปี
ท่าเรือสิงคโปร์เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก
และรองรับปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมหาศาล แม้ว่าท่าเรือเซี่ยงไฮ้ในประเทศจีน
จะเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ท่าเรือสิงคโปร์ก็เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน
ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตั้งอยู่บนเส้นทางเดินเรือสำคัญระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย
ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่สำคัญสำหรับการค้าระหว่างเอเชีย ยุโรป และทวีปอเมริกา
รองรับสินค้าปริมาณมหาศาลและมีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
พิสูจน์ได้จากปริมาณการขนส่ง 37.3 ล้าน TEU ในปี พ.ศ. 2565
เชื่อมต่อกับเรือมากกว่า 130,000 ลำจาก 123 ประเทศ และมีท่าเทียบเรือมากกว่า 200 แห่ง
อำนวยความสะดวกให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างราบรื่น
สนับสนุนอุตสาหกรรมเสริม เช่น การขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค
และรักษาสถานะของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ
ในฐานะศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญ ท่าเรือแห่งนี้เชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับยุโรป อเมริกา
และอื่นๆ โดยได้รับประโยชน์จากทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก
⚓ จุดเด่นของท่าเรือสิงคโปร์
เป็นหนึ่งใน ท่าเรือเปลี่ยนถ่ายตู้สินค้า (Transshipment Hub) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เชื่อมต่อกับ กว่า 600 ท่าเรือใน 123 ประเทศ
มีสายเรือแวะจอดมากถึง 160 เที่ยวต่อวัน
เป็นท่าเรือปลอดภาษี (Free Port) มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1819
ท่าเรือแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในเส้นทางการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้
และเป็นหัวใจของเศรษฐกิจสิงคโปร์ตั้งแต่ยุคอาณานิคมจนถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 (ยุคราชวงศ์ถังของจีน) ท่าเรือบริเวณเกาะสิงคโปร์ได้ปรากฏอยู่ใน
เส้นทางสายไหมทางทะเล เป็นจุดพักเรือของพ่อค้าจีน อินเดีย และอาหรับ
ใน ปี ค.ศ. 1819 เซอร์โธมัส สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ (Sir Stamford Raffles)
จากบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ได้ก่อตั้งสถานีการค้าบนเกาะสิงคโปร์
และประกาศให้เป็น ท่าเรือปลอดภาษี (Free Port)
ท่าเรือสิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างยุโรปกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มีเรือสำเภาจากจีน ไทย อินโดนีเซีย และอินโดจีนแวะจอดเป็นจำนวนมาก
ยุคใหม่หลังเอกราช หลังจากสิงคโปร์ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1965 รัฐบาลได้พัฒนาท่าเรือให้ทันสมัย
โดยยังคงสถานะเป็นท่าเรือปลอดภาษี